Siamsouth.com ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ธรรมะ ภาคใต้
เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนไทย
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
18 กุมภาพันธ์, 2562, 13:04:42
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
Siamsouth.com ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ธรรมะ ภาคใต้
>
อนุรักษ์พลังงาน สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติ
>
การเกษตร,การประมง,เศรษฐกิจพอเพียง
> หัวข้อ:
ประวัติความเป็นมาของยางพารา
ผู้เขียน
หัวข้อ: ประวัติความเป็นมาของยางพารา (อ่าน 3046 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [
1
]
พิมพ์
ยามเฝ้าบอร์ด
ผู้ดูแลบ้าน
เจ้าหน้าที่อาวุโส
กระทู้: 2,645
สมาชิกลำดับที่ 1
มือปราบเกรียน
ประวัติความเป็นมาของยางพารา
|
|
«
เมื่อ:
16 มกราคม, 2561, 23:51:04 »
ประวัติความเป็นมาของยางพารา
ความเป็นมา
ชาวพื้นเมืองในอเมริกากลางและอเมริกาใต้เรียกต้นไม้ที่ให้ยางว่า คาอุท์ชุค [Caoutchouc] แปลว่าต้นไม้ร้องไห้ จนถึงปีพศ. 2313 (1770) โจเซฟ พริสลี่ จึงพบว่า ยางสามารถลบ รอยดำของดินสอได้โดยที่กระดาษไม่เสีย จึงเรียกยางว่า ยางลบหรือตัวลบ [Rubber] ซึ่งเป็น คำเรียกยางเฉพาะในอังกฤษและฮอลแลนด์เท่านั้น ส่วนใน ประเทศยุโรปอื่นๆ ในสมัยนั้น ล้วนเรียกยางว่า คาอุท์ชุก ทั้งสิ้น จนถึงสมัยที่โลกได้มีการปลูกยางกันมากในประเทศแถบ อเมริกาใต้นั้น จึงได้ค้นพบว่า พันธุ์ยางที่มีคุณภาพดีที่สุดคือยางพันธุ์ Hevea Brasiliensis ซึ่ง มีคุณภาพดีกว่าพันธุ์ Hevea ธรรมดามาก จึงมีการปลูกและซื้อขายยางพันธุ์ดังกล่าวกัน มาก และศูนย์กลางของการซื้อขายยางก็อยู่ที่เมืองท่าชื่อ พารา [Para] บนฝั่งแม่น้ำอเมซอน ประเทศบราซิล ด้วยเหตุดังกล่าว ยางพันธุ์ Hevea Brasiliensis จึงมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยางพารา และเป็นชื่อที่ใช้เรียกกันแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้
ยางมีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างที่มีความสำคัญต่อมนุษย์คือ มีความยืดหยุ่น [Elastic] กัน น้ำได้ เป็นฉนวนกันไฟได้ เก็บและพองลมได้ดี เป็นต้น ดังนั้นมนุษย์จึงยังจะต้องพึ่งยางต่อ ไปอีกนาน แม้ในปัจจุบัน มนุษย์สามารถผลิตยางเทียมได้แล้วก็ตาม แต่คุณสมบัติบางอย่าง ของยางเทียมก็สู้ยางธรรมชาติไม่ได้ ในโลกนี้ยังมีพืชอีกมากมายหลายชนิดที่ให้น้ำยาง [Rubber Bearing Plant] ซึ่งอาจจะมีเป็นพันๆ ชนิดในทวีปต่างๆ ทั่วโลก แต่น้ำยางที่ได้จาก ต้นยางแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป บางชนิดก็ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย แต่ยาง บางชนิดเช่น ยางกัตตาเปอร์ชาที่ได้จากต้นกัตตา [Guttar Tree] ใช้ทำยางสำเร็จรูปเช่น ยางรถยนต์ หรือรองเท้า ไม่ได้แต่ใช้ทำสายไฟได้ หรือยางเยลูตง และยางบาลาตา ที่ได้ จากต้นยางชื่อเดียวกัน ถึงแม้จะมีความเหนียวของยาง [Natural Isomer of Rubber] อยู่ บ้าง แต่ก็มีเพียงสูตรอณู [Melecular Formula] เท่านั้นที่เหมือนกัน แต่โดยที่มี HighRasin Content จึงเหมาะที่จะใช้ทำหมากฝรั่งมากกว่า ยางที่ได้จากต้น Achas Sapota ในอเมริกา กลาง ซึ่งมีความเหนียวกว่ายางกัตตาเปอร์ชาและยางบาลาตามาก คนพื้นเมืองเรียกยางนี้ ว่า ชิเคิ้ล [Chicle] ดังนั้น บริษัท ผู้ผลิตหมากฝรั่งที่ทำมาจากยางชนิดนี้จึงตั้งชื่อหมากฝรั่ง นั้นว่า Chiclets
วิวัฒนาการของยาง
โลกเพิ่งจะมีโอกาสรู้จักและใช้ประโยชน์จากยางพาราเมื่อประมาณปลายคริสต์ศตวรรษที่ 15 นี้เอง ในขณะที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ผู้ค้นพบโลกใหม่เดินทางไปอเมริกาในครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2036 (ค.ศ.1493) ก็พบว่ามีชาวพื้นเมืองบางเผ่าทั้งในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ได้รู้จักและใช้ประโยชน์จากยางพารากันบ้างแล้ว เช่น ชาวพื้นเมืองในอเมริกากลางที่ทำรองเท้าจากยางพาราโดยการใช้มีดฟันต้นยางพารา แล้วรองน้ำยางใส่ภาชนะ หลังจากนั้นจึงเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำยางหรือเอาเท้าวางไว้บนภาชนะแล้วเทน้ำยางราดลงบนเท้าก็จะได้รองเท้าที่เข้ากับเท้าพอดี หรือบางเผ่าในอเมริกาใต้ทำเสื้อกันฝนและผ้ากันน้ำจากยาง หรือเผ่ามายันในอเมริกาใต้ที่ทำลูกบอลด้วยยางแล้วนำมาเล่นโดยการให้กระเด้งขึ้นลงเพื่อเป็นการสักการะเทพเจ้า จึงทำให้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสและคณะ มีความแปลกใจเป็นอันมากและคิดกันไปว่าในลูกกลมๆ ที่เด้งได้นั้น ต้องมีตัวอะไรอยู่ข้างในเป็นแน่ หลังจากนั้นเมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเดินทางกลับยุโรปก็ได้นำวัตถุประหลาดนั้นกลับไปด้วย จึงถือได้ว่าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จึงเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้มีโอกาสสัมผัสยางและนำยางเข้าไปเผยแพร่ในยุโรป
การส่งยางเข้ามาในยุโรปในระยะแรกนั้นต้องใช้เวลานานมาก จึงทำให้น้ำยางจับตัวเป็นก้อน ดังนั้นยางที่เข้ามาในยุโรปสมัยแรกๆ จึงเป็นยางที่ผลิตเป็นสินค้าแล้วเนื่องจากมนุษย์ยังไม่รู้จักวิธีที่จะทำให้ยางที่จับตัวกันเป็นก้อนแล้วเปลี่ยนสภาพมาเป็นน้ำยางก่อนทำเป็นรูปทรงที่ต้องการได้อย่างไร การผลิตยางจึงต้องทำทันทีหลังจากได้น้ำยางมาก่อนที่ยางจะจับตัวกันเป็นก้อน ประเทศในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เช่น ประเทศเม็กซิโกก็มีหลักฐานว่าได้มีการใช้ประโยชน์จากยางกันบ้างแล้ว แต่เป็นการผลิตอย่างง่ายๆ เช่น ทำผ้ายางกันน้ำ ลูกบอล และเสื้อกันฝน เป็นต้น
การค้นพบยางพารา
พ.ศ. 2143(1600) ก็ยังไม่มีความพยายามที่จะนำกรรมวิธีทำยางเข้ามาในยุโรป
พ.ศ. 2279(1736) ชาลส์ มารี เดอลา คองดามี ได้ส่งตัวอย่างยางจากลุ่มน้ำอเมซอน กลับมาที่ฝรั่งเศส และสรุปว่าไม่สามารถนำน้ำยางกลับไปยุโรปเพื่อการผลิตได้ เพราะ ยางจะแข็งตัวเสียก่อนที่จะถึงยุโรป
พ.ศ. 2313 เฮอริสแซน พบว่า น้ำมันสน [Terpentine] สามารถละลายยางที่จับตัวกัน เป็นก้อนได้ และยังพบต่อไปอีกว่า Ether เป็นตัวละลายยางได้ดีกว่าน้ำมันสน
พ.ศ. 2313 (1770) โจเซฟ พริสลี่ (คนเดียวกับที่ค้นพบอ๊อกซิเจน) ค้นพบว่า ยางใช้ลบรอยดำของดินสอได้ จึงเรียกยางว่ายางลบ [Rubber] ตั้งแต่นั้น
พ.ศ. 2334 (1791) โฟร์ ครอย ค้นพบการป้องกันไม่ให้ยางจับตัวกันเป็นก้อนโดยการเติมด่างที่มีชื่อว่า Alkali ลงไปในน้ำยาง แต่การค้นพบนี้ก็ต้องเป็นหมันอยู่ถึง 125 ปีเพราะไม่มีใครสนใจ
พ.ศ. 2363 (1820) โธมัส แฮนคอก (อังกฤษ) ประดิษฐ์เครื่องฉีกยางได้สำเร็จ แต่ก็ปกปิดไว้ โดยบอกคนที่ถามว่าเป็นเครื่องดองยาง [Pickle] และยังพบด้วยว่า ความร้อนทำให้ยางอ่อนตัวลงได้ และจะปั้นใหม่ให้เป็นรูปอะไรก็ได้ ตามต้องการ
พ.ศ. 2375 (1832) แฮนคอกได้ปรับปรุงเครื่องฉีกยางของเขาให้ดีขึ้น และเรียกเครื่องที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ว่าดังกล่าวว่า เครื่อง Masticator ซึ่งเป็นเครื่องต้นแบบของเครื่องฉีกยางที่ใช้กันถึงทุกวันนี้ โธมัส แฮนคอก จึงได้รับเลือกให้เป็น “บิดาแห่งอุตสาหกรรมการยาง”
พ.ศ. 2380 (1837) แฮนคอกประดิษฐ์เครื่องรีดยางได้เป็นผลสำเร็จ [Spreading]
พ.ศ. 2379 (1836) ทางอเมริกาก็ประดิษฐ์เครื่องบดยางได้สำเร็จเหมือนกัน
พ.ศ. 2386 (1843) ชาลส์ กูดเยียร์ (อเมริกา) ค้นพบกรรมวิธีในการทำให้ยางคงรูป โดยการ “อบความร้อน” [Vulcanisasion] และยางที่ผสมกำมะถันและตะกั่วขาว เมื่อย่างไฟแล้ว แม้จะกระทบร้อนหรือเย็นจัด ยางจะเปลี่ยนรูปไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สิ่งที่ชาลส์ค้นพบนี้ แฮนคอกก็ค้นพบในอีก 2 ปีต่อมา และนำผลงานไปจดทะเบียน [Patent] ทันที แต่ชาลส์ไปจดทะเบียนหลังแฮนคอก 2 – 3 สัปคาห์ แต่โลกก็ยังให้เกียรติแก่ ชาลส์ กูดเยีย ว่าเป็นผู้ที่คิดกรรมวิธีนี้ได้ก่อน
พ.ศ. 2389 (1846) โธมัส แฮนคอก ประดิษฐ์ยางตันสำหรับรถม้าทรงของพระนางเจ้าวิคตอเรีย
พ.ศ. 2413 (1870) จอน ดันลอป ผลิตยางอัดลมสำหรับจักรยานได้สำเร็จ
พ.ศ. 2438 (1895) มีผู้ประดิษฐ์ยางอัดลมสำหรับรถยนต์ได้สำเร็จ
ยางพาราในเอเชีย
การผลิตยางพาราในโลก ในสมัยก่อนปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) นั้น ส่วนมากจะเป็นยางพาราที่ปลูกในประเทศแถบอเมริกาใต้ คือ ประเทศบราซิล โคลัมเบีย และประเทศปานามาเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นยังมียางพาราที่ได้จากประเทศรัสเซียและอัฟริกาเป็นบางส่วน โดยในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นยางพาราเริ่มมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์มากขึ้นแล้ว โลกจึงมีความต้องการใช้ยางพาราเป็นจำนวนมาก โธมัส แฮนคอก จึงมีความคิดว่า ถ้าโลก (หมายถึงยุโรป) ยังคงต้องพึ่งยางพาราที่มาจากแหล่งต่างๆ เหล่านั้นเพียงอย่างเดียว ในอนาคตอาจจะเกิดความขาดแคลนยางพาราขึ้นได้ จึงน่าที่จะหาที่ใหม่ๆ ในส่วนอื่นของโลก เพื่อปลูกยางเอาไว้บ้าง ในปี พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ได้มีความพยายามนำต้นยางพาราไปปลูกในประเทศอินเดีย นับเป็นครั้งแรกของการแพร่กระจายยางพาราสู่ทวีปเอเชีย
เซอร์คลีเมนส์ เป็นคนแรกที่นำยางพารามาทดลองปลูกในประเทศอินเดียแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงได้ทดลองปลูกยางในดินแดนต่างๆ ที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ในที่สุดจึงพบว่าในดินแดนแหลมมลายูเป็นสถานที่ที่ยางพาราจะเจริญเติบโตได้ดีที่สุด และยังพบว่าพันธุ์ยางพาราที่ดีที่สุดคือยางพาราพันธุ์ Hevea brasiliensis หรือยางพารา ดังนั้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) ยางพาราจึงเป็นที่นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลายในแหลมมลายูในระยะแรกเริ่มยางพาราจะปลูกกันมากในดินแดนอาณานิคมของอังกฤษและฮอลแลนด์เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้นประเทศ เยอรมันก็ปลูกยางพาราไว้ที่อัฟริกาบ้าง และบางส่วนเป็นยางพาราในประเทศรัสเซีย เหตุที่ยางพาราเป็นที่นิยมปลูกกันมากในเอเชีย อาจเนื่องมาจากในเอเชียมีองค์ประกอบต่างๆ ที่เหมาะสมในการปลูก ทั้งสภาพดินฟ้าอากาศ ภูมิประเทศ สภาพดินและปริมาณฝน รวมทั้งแรงงานที่หาได้ง่าย ผลผลิตยางสามารถขายได้ทุกคุณภาพและให้ผลผลิตที่ยาวนาน และแน่นอน
ประวัติการปลูกยางพาราของประเทศไทย
ต้นยางพาราเข้ามาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ชื่อว่า “สยาม” ประมาณกันว่าควรเป็นหลัง พ.ศ. 2425 ซึ่งช่วงนั้นได้มีการขยายเมล็ดกล้ายางพารา จากพันธุ์ 22 ต้นนำไปปลูกในประเทศต่างๆ ของทวีปเอเชีย และมีหลักฐานเด่นชัดว่า เมื่อปี พ.ศ. 2442 พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ได้นำต้นยางพาราต้นแรกของประเทศมาปลูกที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จึงได้รับเกียรติว่าเป็น “บิดาแห่งยาง” จากนั้นพระยารัษฎา-นุประดิษฐ์ ได้ส่งคนไปเรียนวิธีปลูกยางพาราเพื่อมาสอนประชาชนพร้อมนำพันธุ์ยางพาราไปแจกจ่าย และส่งเสริมให้ราษฎรปลูกทั่วไป ซึ่งในยุคนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นยุคตื่นยางพาราและชาวบ้านเรียกยางพารานี้ว่า “ยางเทศา” ต่อมาราษฎรได้นำเข้ามาปลูกเป็นสวนยางพารามากขึ้น และได้มีการขยายพื้นที่ปลูกยางพาราไปในจังหวัดภาคใต้รวม 14 จังหวัด ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปถึงจังหวัดที่ติดชายแดนประเทศมาเลเซีย การพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศได้เจริญรุดหน้าเรื่อยมาจนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกยางพาราได้มากที่สุดในโลก
พ.ศ. 2444 พระสถลสถานพิทักษ์ ได้นำกล้ายางพารามาจากประเทศอินโดเซีย โดยปลูกไว้ที่บริเวณหน้าบ้านพักที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือให้เห็นเป็นหลักฐานเพียงต้นเดียวอยู่บริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตัง และจากยางรุ่นแรกนี้ พระสถลสถานพิทักษ์ ได้ขยายเนื้อที่ปลูกออกไป จนมีเนื้อที่ปลูกประมาณ 45 ไร่ นับได้ว่า พระสถลสถานพิทักษ์คือผู้เป็นเจ้าของสวนยางคนแรกของประเทศไทย
ประวัติการปลูกยางพาราในภาคใต้ของไทย
ในช่วงปี พ.ศ. 2475 หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมขึ้นที่ตำบลคอหงส์ หลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ได้ก่อตั้งสถานีทดลองกสิกรรมภาคใต้ขึ้นที่บ้านชะมวง ตำบลควนเนียง อำเภอกำแพงเพชร จังหวัดสงขลา และในปี พ.ศ. 2476 ได้ย้ายสถานีดังกล่าวไปตั้งที่ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ พร้อมกับตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมขึ้นที่ตำบลคอหงส์ด้วย โดยหลวงสุวรรณวาจกกสิกิจ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ใหญ่คนแรก ต่อมาในปี พ.ศ. 2496 หลวงสำรวจพฤกษาลัย (สมบูรณ์ ณ ถลาง) หัวหน้ากองการยางและนายรัตน์ เพชรจันทร ผู้ช่วยหัวหน้ากองการยางได้เสนอร่างพระราชบัญญัติปลูกแทนต่อรัฐบาล อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวต้องใช้เวลาถึง 6 รัฐบาล ในเวลา 6 ปี จึงออกพระราชบัญญัติกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางขึ้นในปี พ.ศ. 2503 และได้มีการจัดตั้งสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางในปี พ.ศ. 2504 กิจการปลูกแทนก้าวหน้าด้วยดีและเป็นที่พอใจของชาวสวนยางพาราในภาคใต้ หลวงสำรวจพฤกษาลัย (สมบูรณ์ ณ ถลาง) นายรัตน์ เพชรจันทร ผู้ริเริ่มการปลูกแทน ยางพาราที่ปลูกในสมัยแรกส่วนใหญ่เป็นยางพาราพื้นเมืองที่ให้ผลผลิตต่ำ ส่งผลให้ชาวสวนยางพารามีรายได้น้อยโดยเฉพาะในช่วงที่ยางพารามีราคาตกต่ำ วิธีการแก้ไขคือการปลูกแทนยางพาราพื้นเมืองเหล่านั้นด้วยยางพาราพันธุ์ดีที่ให้ผลผลิตสูง ผู้ผลิตยางพาราหลายประเทศได้เร่งการปลูกแทนยางพาราเก่าด้วยยางพาราพันธุ์ดีเพื่อเพิ่มผลผลิตยาง พารา เช่น ประเทศมาเลเซียได้ออกกฎหมายสงเคราะห์ปลูกยางพาราในปี พ.ศ. 2495 และประเทศศรีลังกาได้ออกกฎหมายทำนองเดียวกันในปี พ.ศ. 2496 ต่อมาได้รับความร่วมมือจากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติให้จัดตั้งศูนย์วิจัยการยางขึ้นที่ตำบลคอหงส์ในปี พ.ศ. 2508
ในปี พ.ศ. 2508 ดร.เสริมลาภ วสุวัต ซึ่งเป็นผู้วางรากฐานการวิจัยและพัฒนายางพารา การวิจัยและพัฒนายางพาราเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยางพาราไทย โดยเปลี่ยนสถานะจากสถานีทดลองยางพาราตำบลคอหงส์ ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการวิจัย และพัฒนายางของไทยคือ ดร.เสริมลาภ วสุวัต ผู้อำนวยการกองการยาง ซึ่งเป็นผู้ควบคุมและดูแลศูนย์วิจัยการยางที่ตั้งขึ้นใหม่ ศูนย์วิจัยการยางได้รับความช่วยเหลือจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และมีผู้เชี่ยวชาญยางพาราสาขาต่างๆ มาช่วยวางรากฐานในการวิจัยและพัฒนาร่วมกับนักวิจัยของไทยในระยะเริ่มแรก มีการวิจัยยางด้านต่างๆ เช่น ด้านพันธุ์ยางพารา โรคและศัตรูยางพารา ด้านดินและปุ๋ย การดูแลรักษาสวนยางพารา การกำจัดวัชพืช การปลูกพืชคลุม การปลูกพืชแซมเพื่อเพิ่มพูนรายได้ให้แก่ชาวสวนยางพารา ด้านอุตสาหกรรมยางพาราและเศรษฐกิจยางพารา และมีการพัฒนายางพาราโดยเน้นการพัฒนาสวนยางพาราขนาดเล็ก เช่น การกรีดยางหน้าสูง การใช้ยาเร่งน้ำยางพารา การส่งเสริมการแปลงเพาะและขยายพันธุ์ยางพาราของภาคเอกชน การรวมกลุ่มขายยางและการปรับปรุงคุณภาพยางพารา และการใช้ประโยชน์ไม้ยางพารา มีการออกวารสารยางพาราเพื่อเผยแพร่ความรู้ไปสู่ชาวสวนยางพาราและผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งจัดหลักสูตรการฝึกอบรมและการจัดสัมมนายางพาราเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับองค์กรยางระหว่างประเทศในการวิจัยและพัฒนายางอย่างกว้างขวาง ในระยะต่อมาศูนย์วิจัยการยางได้เปลี่ยนชื่อเป็นศูนย์วิจัยยางสงขลาในปี พ.ศ. 2527 และมีการก่อตั้งศูนย์วิจัยขึ้นอีกที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนราธิวาส เพื่อขยายงานวิจัย และพัฒนายางพาราให้ครอบคลุมพื้นที่ปลูกยางพาราของประเทศ การวิจัยและพัฒนายางเหล่านี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญทำให้การปลูกแทนในพื้นที่ยางประสบความสำเร็จมากขึ้น (องค์การสวนยาง จังหวัดนครศรีธรรมราช)
ที่มา : คลังข้อมูลสารสนเทศระดับภูมิภาค (ภาคใต้)
สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์กรมหาชน
บิดาแห่งยางพาราไทย พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
หน้า: [
1
]
พิมพ์
Siamsouth.com ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ธรรมะ ภาคใต้
>
อนุรักษ์พลังงาน สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติ
>
การเกษตร,การประมง,เศรษฐกิจพอเพียง
> หัวข้อ:
ประวัติความเป็นมาของยางพารา
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
เรารักในหลวง
-----------------------------
=> ในหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์ และราชวงศ์จักรี
-----------------------------
ธรรมมะ และข้อคิดต่างๆในการใช้ชีวิตของพุทธศาสนา
-----------------------------
=> พระไตรปิฏก
===> ทศชาติชาดก
===> พุทธวจนะในธรรมบท (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
===> พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ www.84000.org
===> พุทธประวัติ
===> ไตรภูมิพระร่วง
=> ธรรมะที่ถูกต้องตามหลักพระไตรปิฏก
=> คำสอนและบทความทั่วไปเกี่ยวกับพุทธศาสนา
===> ข้อมูลด้านวิชาการเกี่ยวกับพุทธศาสนา
===> ตำนานพระปริตร
===> Dhamma English Version
===> พุทธมหายาน วัชรยาน
===> พุทธศาสนา นิกายเซ็น
=> ธรรมะจากสวนโมกข์
=> ประวัติเกจิอาจารย์และเรื่องราวต่างๆของเกจิอาจารย์
===> วัดวาอารามและ พระพุทธรูปสำคัญ
===> วัดป่านาคำน้อย
=> เรื่องแปลก และเรื่องราวลึกลับ
===> เทพเจ้าจีน โหราพยากรณ์และฮวงจุ้ย
===> พระเครื่อง วัตถุมงคล
=> ประชาสัมพันธ์..สายธารน้ำใจและกิจกรรมทำดี
===> หนังสือธรรมะ
===> เสียงธรรม และไฟล์ Download
===> ข่าวสารเกี่ยวกับพุทธศาสนา
-----------------------------
ประวัติศาสตร์ไทย
-----------------------------
=> บุคคลในประวัติศาสตร์และบุคคลที่น่าสนใจ
===> การแสดงร้อง รำ และดนตรีไทย
=> ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วัฒนธรรม ประเพณี
-----------------------------
เรื่องทั่วๆไปที่คนไทยควรรู้
-----------------------------
=> ห้องสมุด
===> กลอน กวี ที่น่าสนใจ
===> ภาษาไทยและวรรณกรรมไทย
===> นิทานเด็ก นิทานสอนใจ
===> แนะนำห้องสมุด
=> บทความสาระความรู้และเรื่องราวทั่วๆไป สัพเพเหระ
===> บทความ เรื่องสั้น ที่เกี่ยวกับความรัก
===> เรื่องราวดีๆ สร้างเสริมกำลังใจ ต่างๆ
=> คำสอนทั่วไปของศาสนาอิสลาม
-----------------------------
ข่าวสารทั่วไป ข่าวต่างประเทศ
-----------------------------
=> ข่าวสารประจำวัน
===> ข่าวต่างประเทศ สาระจากต่างแดน
===> ข่าวการศึกษา โรงเรียนและครู
-----------------------------
ศิลปวัฒนธรรม
-----------------------------
=> กรุงเทพมหานครและภาคกลาง
===> ท่องเที่ยวกรุงเทพมหานครและภาคกลาง
=> ศิลปวัฒนธรรมภาคเหนือ
===> สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือ
=> ศิลปวัฒนธรรมภาคอีสาน
===> สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวภาคอีสาน
===> ชนเผ่าไท (Tai) โดย Laos KBS
=> ภาคตะวันออก
===> สถานที่สำคัญและแหล่งท่องเที่ยวภาคตะวันออก
-----------------------------
จีน 中国
-----------------------------
=> Liu Yu Xi - อาปิง
-----------------------------
ภาคใต้
-----------------------------
=> ศิลปวัฒนธรรม ภาคใต้
===> การละเล่น/เรื่องเล่าภาคใต้ (นิทานพื้นบ้าน) ต่างๆในภาคใต้
===> อาหารท้องถิ่น ภาคใต้
=> ชุมพร
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดชุมพร
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.ชุมพร
=> ระนอง
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดระนอง
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.ระนอง
=> สุราษฎร์ธานี
===> พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติไชยา
===> ข่าวสารทั่วไป พบปะพูดคุย สุราษฎร์ธานี
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.สุราษฏร์ธานี
=> นครศรีธรรมราช
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดนครศรีธรรมราช
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช
=> กระบี่
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดกระบี่
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.กระบี่
=> ตรัง
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดตรัง
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.ตรัง
=> พังงา
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดพังงา
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.พังงา
=> ภูเก็ต
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดภูเก็ต
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต
=> พัทลุง
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดพัทลุง
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.พัทลุง
=> สงขลา
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดสงขลา
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.สงขลา
=> สตูล
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดสตูล
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.สตูล
=> ปัตตานี
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดปัตตานี
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.ปัตตานี
=> ยะลา
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดยะลา
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.ยะลา
=> นราธิวาส
===> ข่าวสารทั่วไปของจังหวัดนราธิวาส
===> ข่าวสารการท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยว จ.นราธิวาส
-----------------------------
บทความสาระความรู้
-----------------------------
=> ข่าวสารวงการสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยี มือถือ
=> Internet Web Site
===> โปรแกรม และเทคนิคเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ
-----------------------------
อนุรักษ์พลังงาน สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติ
-----------------------------
=> อนุรักษ์ป่าไม้สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
=> รวมพลังลดโลกร้อนรักษาสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์พลังงาน
=> ไม้ดอก ไม้ประดับ ปลาสวยงามและสัตว์เลี้ยง
===> รวมพันธุ์สัตว์
===> รวมพันธุ์ไม้น่ารู้
=> การเกษตร,การประมง,เศรษฐกิจพอเพียง
===> สวนลุงเดช วนเกษตร ท่าข้าม
-----------------------------
สุขภาพและอาหารการกิน
-----------------------------
=> สุขภาพ
===> รักสวยรักงาม
=> สมุนไพรไทย
=> อาหารการกินและร้านอาหาร
===> วิธีการทำอาหาร
-----------------------------
ดนตรีและเสียงเพลง
-----------------------------
=> ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเครื่องดนตรีสากล
=> ข่าวสารวงการเพลง
=> ข่าวสารทั่วไปในวงการเพลงสตริงเพลงร็อค ขวัญใจวัยโจ๋
=> ข่าวสารวงการลูกทุ่ง
===> คนเบื้องหลัง
===> ตำนานลูกทุ่งไทย
===> ข่าวคลุกวงในโดย เอ พีราวุธ สว่างวิทย์
===> เพลงไทยเก่าๆ
=> เฮฮาประสาเพื่อชีวิต
-----------------------------
กีฬา บันเทิง และความสุขยามว่าง
-----------------------------
=> ข่าวกีฬาทั่วโลก
=> เกมส์ การ์ตูน ของเล่น ของสะสม และความทรงจำวัยเด็ก
===> เรารักรถไฟ
===> มอเตอร์สปอร์ต
=> วิจารณ์ภาพยนตร์และข่าวสารวงการบันเทิง
=> ขำขัน
-----------------------------
เดินทาง ท่องเที่ยว
-----------------------------
=> บทความ ข่าวสาร การท่องเที่ยว
===> ท่องเที่ยวเมืองนอก
=> บันทึกการเดินทางของเพื่อนสมาชิก
===> Siamsouth ท่องเที่ยว เดือนธันวาคม 2552...ภูกระดึง
===> Siamsouth ท่องเที่ยว เดือนธันวาคม 2553 ทัวร์นกขมิ้น
=> รวมภาพประทับใจ กล้อง งานศิลปะ
===> กล้องถ่ายรูปและเทคนิคการถ่ายภาพ
===> ศิลปินและงานศิลปะ
-----------------------------
จากเพื่อนถึงเพื่อน (บางหัวข้อ ต้องเป็นสมาชิกก่อนถึงจะมองเห็น)
-----------------------------
=> Siamsouth in English
=> ทำไป บ่นไป เรื่องราวผ่านชีวิต นายนภดล มณีวัต
=> คุยกับคุณาพร
=> รวมบทความและเรื่องสั้นจากสมาชิก(สำหรับบุคคลทั่วไป)
=> แผนกอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี
กำลังโหลด...